Page 105 - การคุ้มครองผู้บริโภคด้านยาและสุขภาพสำหรับประชาชน
P. 105
4.7 วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท
วัตถุที่มีฤทธิ์ต่อจิตและประสาทส่วนหนึ่งเป็นวัตถุเสพติดและมีการใช้ในทางการแพทย์ วัตถุที่มี
คุณสมบัติออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทแต่ยังมิได้ประกาศให้เป็นวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท จะไม่ใช่วัตถุ
ที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทตามกฎหมาย
ค าจ ากัดความ
ตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2559 (ราชกิจจานุเบกษา, 2559b)
“วัตถุออกฤทธิ์” หมายความว่า วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทที่เป็นสิ่งธรรมชาติหรือที่ได้จากสิ่งธรรมชาติ
หรือวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทที่เป็นวัตถุสังเคราะห์ ทั้งนี้ ตามที่รัฐมนตรีประกาศก าหนด
ตัวอย่างของสิ่งที่จัดเป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทตามกฎหมาย เช่น ยานอนหลับ ยาคลายวิตก
กังวล ไดอะซีแพม เพนโตบาร์บิทอล ยาลดความอ้วนบางตัว เป็นต้น
ประเภทและขอบเขตเพื่อการควบคุม
ตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2559 วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท
แบ่งออกเป็น 4 ประเภท คือ
(1) ประเภทที่ 1 วัตถุออกฤทธิ์ที่ไม่ใช้ในทางการแพทย์ และอาจก่อให้เกิดการน าไปใช้ หรือมีแนวโน้ม
ในการน าไปใช้ในทางที่ผิดสูง
(2) ประเภทที่ 2 วัตถุออกฤทธิ์ที่ใช้ในทางการแพทย์ และอาจก่อให้เกิดการน าไปใช้ หรือมีแนวโน้มใน
การน าไปใช้ในทางที่ผิดสูง
(3) ประเภทที่ 3 วัตถุออกฤทธิ์ที่ใช้ในทางการแพทย์ และอาจก่อให้เกิดการน าไปใช้ หรือมีแนวโน้มใน
การน าไปใช้ในทางที่ผิด
(4) ประเภทที่ 4 วัตถุออกฤทธิ์ที่ใช้ในทางการแพทย์ และอาจก่อให้เกิดการน าไปใช้ หรือมีแนวโน้มใน
การน าไปใช้ในทางที่ผิดน้อยกว่าประเภท 3
ผู้ที่จะซื้อวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทไปขายจะต้อง
(1) ได้รับ “ใบอนุญาตขายวัตถุออกฤทธิ์ในประเภทที่ 3 หรือประเภทที่ 4” จากส านักงาน
คณะกรรมการอาหารและยา
(2) เป็นผู้ได้รับอนุญาตขายยาแผนปัจจุบันตามกฎหมายว่าด้วยยา
(3) มีเภสัชกรอยู่ประจ าการตลอดเวลาท าการ และ
(4) ต้องจัดท ารายงานประจ าเดือน รายงานประจ าปี แสดงการรับ-จ่าย วัตถุออกฤทธิ์ในประเภทที่ 3
หรือประเภทที่ 4 ให้ส านักงานคณะกรรมการอาหารและยาทราบ
92