Page 96 - การคุ้มครองผู้บริโภคด้านยาและสุขภาพสำหรับประชาชน
P. 96

(7)  โปแตสเซียมคลอเรต
                         (8)  ฟอร์มาลดีไฮด์ และพาราฟอร์มาลดีไฮด์

                         (9)  คูมาริน หรือ 1, 2-เบนโซไพโรน หรือ 5, 6-เบนโซ-แอลฟา-ไพโรน หรือ ซิส-ออร์โธ-คูมาริคแอซิด
                  แอนไฮไดรด์ หรือออร์โธ-ไฮดรอกซีซินนามิคแอซิดแลคโตน

                         (10) ไดไฮโดรคูมาริน หรือเบนโซไดไฮโดรไพโรน หรือ 3, 4-ไดไฮโดรคูมาริน หรือไฮโดรคูมาริน

                         (11) เมทธิลแอลกอฮอล์ หรือเมธานอล
                         (12) ไดเอทธิลีนไกลคอล หรือไดไฮดรอกซีไดเอทธิล อเธอร์ หรือไดไกลคอล หรือ 2, 2’-ออกซีบิส
                                                                        ี
                  เอธานอล หรือ 2-2’-ออกซีไดเอธานอล

                         ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ซึ่งจัดเป็นอาหารที่ก าหนดคุณภาพหรือมาตรฐาน ซึ่งส่วนใหญ่มีการให้ข้อมูล

                  และส่งเสริมการขายในเชิงผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการบ าบัดรักษาและป้องกันโรค แต่มิได้ขอขึ้นทะเบียนเป็นยา

                  เหมือนดั่งผลิตภัณฑ์ยาที่มีข้อมูลทางวิชาการเชิงประจักษ์ในการยืนยันประสิทธิผลทางคลินิกอย่างชัดเจน ดังนั้น
                  จึงต้องให้ความส าคัญในการควบคุม การให้ข้อมูล และการคุ้มครองผู้บริโภคในเรื่องผลิตภัณฑ์เสริมอาหารโดย

                                                                              ื่
                                                                                                        ี
                  จะกล่าวถึงข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและการควบคุมก ากับเพอคุ้มครองผู้บริโภคในรายละเอยดใน
                  บทที่ 5 ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร



                  4.2 ยา


                                ี
                                                                     ื่
                         ยาเป็นอกหนึ่งปัจจัยส าคัญในการด ารงชีวิตและใช้เพอการรักษาโรค ถึงแม้เราจะไม่ได้บริโภคยาเป็น
                  ประจ าเหมือนการบริโภคอาหาร แต่ยาเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีฤทธิ์ในการรักษา ท าลายเชื้อโรค และอาจมี
                  ผลข้างเคียงต่อสุขภาพและร่างกาย นอกจากนี้ยาเป็นสิ่งที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านในการผลิต และ

                  การใช้ยาส่วนใหญ่มักต้องอยู่ภายใต้การดูแลของบุคลากรด้านสุขภาพ โดยเฉพาะแพทย์และเภสัชกร

                         ค าจ ากัดความ

                         ในปี 2510 ประเทศไทยได้ประกาศพระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510 (ราชกิจจานุเบกษา, 2550b) และมี

                            ิ่
                  การแก้ไขเพมเติมเป็นฉบับที่ 5 ในปี 2530 เป็นกฎหมายหลักในการควบคุมยาแทนพระราชบัญญัติการขายยา
                  พ.ศ. 2493 โดยในพระราชบัญญัติยา ให้นิยามและความหมายเกี่ยวกับยาไว้ ดังนี้

                         “ยา” หมายความว่า

                         (1)  วัตถุที่รับรองไว้ในต ารายาที่รัฐมนตรีประกาศ
                         (2)  วัตถุที่มุ่งหมายส าหรับใช้ในการวินิจฉัย บ าบัด บรรเทา รักษาหรือป้องกันโรค หรือความเจ็บป่วย

                  ของมนุษย์หรือสัตว์

                         (3)  วัตถุที่เป็นเภสัชเคมีภัณฑ์ หรือเภสัชเคมีภัณฑ์กึ่งส าเร็จรูป หรือ
                         (4)  วัตถุที่มุ่งหมายส าหรับให้เกิดผลแก่สุขภาพ โครงสร้างหรือการกระท าหน้าที่ใด ๆ ของร่างกายของ

                  มนุษย์หรือสัตว์

                                                                                                             83
   91   92   93   94   95   96   97   98   99   100   101