Page 235 - การคุ้มครองผู้บริโภคด้านยาและสุขภาพสำหรับประชาชน
P. 235
13.2 บทบาทเภสัชกร: การผลิตและการให้บริการผู้ป่วย (Pharmaceuticals and Patient
Concerned)
พระราชบัญญัติวิชาชีพเภสัชกรรม พ.ศ. 2537 แก้ไขเพิ่มเติมโดย พระราชบัญญัติวิชาชีพเภสัชกรรม (ฉบับ
ที่ 2) พ.ศ. 2558 ตามมาตรา 4 ค าจ ากัดความ “วิชาชีพเภสัชกรรม” หมายถึง วิชาชีพที่เกี่ยวกับการกระท าในการ
เตรียมยา การผลิตยา การประดิษฐ์ยา การเลือกสรรยา การวิเคราะห์ยา การควบคุมและการประกันคุณภาพยา
การปรุง และการจ่ายยาตามใบสั่งยาของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ผู้ประกอบวิชาชีพทันตกรรม ผู้ประกอบ
วิชาชีพการสัตวแพทย์ การปรุงยา การจ่ายยา การขายยา และการด าเนินการตามกฎหมายว่าด้วยยา และ
กฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับยา การให้ค าแนะน าปรึกษาและการคุ้มครองผู้บริโภคด้านยา รวมทั้งการด าเนินการ
หรือร่วมกับผู้ประกอบวิชาชีพด้านการแพทย์และสาธารณสุขในการค้นหา ป้องกัน และแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวเนื่องกับ
การใช้ยา
วิชาชีพเภสัชกรรม มีหลักการพนฐานของวิชาชีพที่ท างานคุ้มครองผู้บริโภค ทั้งการท ายาที่ดีมีคุณภาพ
ื้
และการส่งมอบยาพร้อมการให้ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับยานั้น ๆ ที่ถูกต้อง นั่นคือ ให้ความส าคัญในเรื่องความ
ปลอดภัยจนเป็นที่รู้จักกันของชาวบ้านว่าเป็น “หมอยา”
ประวัติเภสัชกรรม มีวิวัฒนาการไปพร้อมกับประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ เนื่องจากยาเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่
และเภสัชกรรมเป็นส่วนหนึ่งของวิวัฒนาการทางการแพทย์
ส าหรับประเทศไทย เภสัชกรรมเป็นส่วนหนึ่งของระบบการแพทย์แผนไทยมาโดยตลอด อาทิ การใช้
สมุนไพรและเภสัชวัตถุต่าง ๆ เข้าร่วมการรักษา การศึกษาทางด้านเภสัชศาสตร์ได้สถาปนาขึ้นอย่างเป็นทางการ
โดยสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ในฐานะโรงเรียนแพทย์ปรุงยา (ปัจจุบันคือ คณะเภสัช
ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ภายหลังการก่อตั้งกองโอสถ
ศาลาขึ้น ต่อมาได้มีการจัดตั้งโรงงานเภสัชกรรมโดย เภสัชกร ดร. ตั้ว ลพานุกรม ซึ่งภายหลังได้รวมกับกองโอสถ
ศาลาจัดตั้งเป็นองค์การเภสัชกรรม
ค าว่า เภสัชกรรม ในภาษาไทย มาจากการประสมระหว่างค าว่า “เภสัช” (เภสชฺช) ซึ่งแปลว่า “ยา” และ
“กรรม” ซึ่งแปลว่า การงาน การกระท า จึงหมายรวมว่า การกระท าเกี่ยวกับยา หรือตามความหมายของ
ราชบัณฑิตยสถาน คือ วิทยาศาสตร์แขนงที่ว่าด้วยการเตรียมเครื่องยา ตัวยาจากธรรมชาติหรือการสังเคราะห์ให้
เป็นยาส าเร็จรูป เดิมในสยามประเทศได้ใช้ค าว่า “ปรุงยา” หรือ “ผสมยา” จนกระทั่งใน พ.ศ. 2475 ปทานุกรม
ั
ไทยได้บัญญัติให้ใช้ค าว่า “เภสัชกรรม” แทน ส่วนในภาษาองกฤษ Pharmacy มีที่มาจากภาษากรีกคือ
pharmakon โดยมีรากศัพท์ภาษาตั้งแต่สมัยบาบิโลน pharmakon หมายถึง พืชที่มีอานาจวิเศษ โดยในกรีกมี
ิ
ความหมายว่า “ยา” ทั้งนี้ มีความหมายรวมถึง ยาที่ใช้ในการรักษาโรคและยาพษ ซึ่งมีความหมายกว้างกว่าเภสัช
กรรมในปัจจุบัน ซึ่งหมายถึงยาในการบ าบัดรักษาโรคเพียงอย่างเดียว
222