Page 74 - เบญจมาศ คุชนี โรคเบาหวานและคุณประโยชน์ของผักพื้นบ้านไทย 2565
P. 74
62 | เบญจมาศ คุชน ี โรค เ บ า ห ว า น แ ล ะ คุ ณ ป ระ โย ช น ข อ ง ผั ก พ น บ้ าน ไท ย ใ น ผู ป่ ว ย โ ร ค เ บ าห ว าน | 63
ื
้
้
์
2.2 แนวทางการรักษาโรคเบาหวาน 4) ในกรณีที่ผู้ป่วยไม่มข้อห้ามในการใช้ยา ควรเริ่มด้วย monotherapy metformin หรือ
ี
สามารถใช้ยากลุ่ม sulfonylureas รุ่นที่ 2 เช่น glibenclamide หรือ glipizide หลังเริ่มได้รับ
็
็
ู
่
้
้
ในการรกษาผปวยโรคเบาหวานและเปาหมายการรกษา จ้าเปนต้องพิจารณาเปน ยา 1 เดือน ควรนัดผู้ป่วยเพื่อติดตามระดับ FPG
ั
ั
รายบุคคล ซึ่งอาจมีความแตกต่างกันในบางส่วน แต่มีแนวทางการรักษาไปในทิศทางเดียวกัน
เพอให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ป่วย ในประเทศไทย ข้อมูลจากแนวทางเวชปฏิบัติส้าหรับ 5) หลังได้รับการรักษาด้วย monotherapy แล้วระดับน้้าตาลในเลือดทั้ง FPG และ
ื่
โรคเบาหวาน ปี พ.ศ. 2560 ได้มีค้าแนะน้า ขั้นตอนการรักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 2 (รูปที่ 2- HbA1C ไม่อยู่ในเกณฑ์ปกติ ควรพิจารณาใช้ยาที่มีกลไกการออกฤทธิ์ที่แตกต่างกันร่วมด้วยเป็น
8) แบบ combination therapy อาจจ้าเป็นต้องใช้ยา 2 หรือ 3 ชนิดร่วมกัน โดยมีหลักการดังนี้
▪ Thiazolidinediones สามารถให้เป็นยาชนิดที่ 2 ร่วมกับ metformin ในผู้ที่มีความ
1) เริ่มต้นการรักษาด้วยการไม่ใช้ยา (non-pharmacological treatment) ได้แก่ การ เสี่ยงต่อการเกิดภาวะน้้าตาลในเลือดต่้า หรือ อาจใช้ร่วมกับอนซูลิน แต่ต้องใช้ในขนาดต่้า และ
ิ
ั
ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมทางสุขภาพ (lifestyle modification) การควบคุมการรบประทาน ห้ามใช้ในผู้ที่มีประวัติหัวใจล้มเหลว
อาหารทงประเภทอาหารและปริมาณทรับประทาน เน้นดานโภชนาบ้าบัดและออกกาลงกาย ▪ Repaglinide พิจารณาเลือกใช้เป็นยาชนิดที่ 2 หรือชนิดที่ 3 แทน sulfonylureas ใน
ั
้
ี
้
่
้
ั
ยกเว้น ในกรณีที่ผู้ป่วยมีค่า FPG > 200 มก./ดล. หรือ HbA1C > 8% หรือมีอาการและอาการ กรณีที่ผู้ป่วยรับประทานอาหารและมีกิจวัตรประจ้าวันไม่เป็นเวลา และมีความเสี่ยงต่อการเกิด
แสดงของภาวะระดับน้้าตาลในเลือดสูงชัดเจน เช่น ปัสสาวะบ่อยและปริมาณมาก กระหายน้้า ภาวะนาตาลในเลอดต้า แต่จะไมใช้รวมกบ sulfonylureas เนื่องจากมีกลไกการออกฤทธิ์
ื
้
้
่
่
่
ั
้
้
ั
ิ
ื
่
่
้
รับประทานอาหารจุแต่น้าหนักลดไมทราบสาเหตุ ควรเรมได้รบยาลดระดับนาตาลในเลอด คล้ายกัน
พร้อมกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการด้าเนินชีวิต
ิ
▪ -glucosidase inhibitors พจารณาเลือกใช้เป็นยาชนิดที่ 2 หรือชนิดที่ 3 ในกรณีที่
2) ให้สุขศึกษาเน้นให้ความรู้ความเข้าใจแก่ผู้ป่วยในเนื้อหาความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ ผู้ป่วยไม่สามารถควบคุมระดับน้้าตาลในเลือดหลังอาหารได้
โรคเบาหวาน ประกอบด้วย โภชนบ้าบัด การออกก้าลังกาย ยารักษาโรคเบาหวาน การตรวจวัด ▪ DPP-4 inhibitors พิจารณาเลือกใช้เป็นยาชนิดที่ 2 หรือ ชนิดที่ 3 ในกรณีที่สามารถ
้
ู
้
้
ั
ระดับนาตาลในเลอดด้วยตนเองและการแปลผล ภาวะนาตาลต้าหรอสงและวิธีปองกนแกไข ใช้ยาชนิดอื่นได้ นิยมให้ร่วมกบ metformin และ/หรือ thiazolidinediones
ั
้
ื
้
้
ื
่
ภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน การดูแลช่องปากและการดูแลรักษาเท้า นอกจากนี้ควรสร้าง ▪ GLP-1 agonists พิจารณาเลือกใช้เป็นยาชนิดที่ 2 หรือชนิดที่ 3 ในกรณีที่ผู้ป่วยอ้วน
้
ทักษะเพอการดูแลโรคเบาหวานดวยตนเอง และการช่วยเหลอสนับสนุนให้ดแลตนเอง ซึ่งเป็น ดัชนีมวลกาย ≥30 กก./ม. และไม่สามารถใช้ยาอื่นได้
2
ื
ื่
ู
ึ
ั
ุ
ปจจยสาคญในการบรรลเปาหมายของการรกษา รวมถงการดูแลสขภาพทางรางกายและจตใจ
่
้
้
ั
ิ
ั
ุ
ั
่
ของผู้ป่วยโรคเบาหวาน เพื่อส่งเสริมการมีคุณภาพชีวิตที่ดีในระยะยาว 6) มีการตั้งเป้าหมายในการรักษาที่ชัดเจน โดยควบคุมระดับน้้าตาลในเลือด ได้แก FPG
70-130 มก./ดล., HbA1C < 7.0%, ระดับน้้าตาลในเลือดหลังอาหาร 2 ชม. < 180 มก./ดล.
3) หลักในการเลือกใช้ยาจ้าเป็นต้องพิจารณาเป็นรายบุคคล ทั้งนี้ขึ้นกับปัจจัยของผู้ป่วย เป็นต้น ในการปรับการรักษาควรพิจารณาทุก 3 เดือน โดยประเมินจาก HbA1C ทุก 3 เดือน
เป็นส้าคัญ ได้แก่ ระดับน้้าตาลในเลือดสามารถพิจารณาได้จากค่า FPG หรือ HbA1C ความ เป็นหลัก ถ้าค่า HbA1C ได้ตามเป้าหมายแล้วสามารถตรวจห่างทุก 6 เดือนได้
เร่งด่วนในการลดระดับน้้าตาลในเลือด อาการและอาการแสดงของผู้ป่วยและภาวะแทรกซ้อนที่
ปรากฏ สภาวะหรือโรคร่วมอื่น ๆ ที่เป็นปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ อายุ ความอ้วน การท้างานของตับ
และการท้างานของไต ประวัติโรคหัวใจวายและควาเสี่ยงต่อการเกิดภาวะน้้าตาลในเลือดต่้า
เป็นต้น